Tuesday, February 5, 2013

Biographies: Mary Leakey

Biographies: Mary Leakey

mary leakeys 100th birthday

Mary Leakey Mary Douglas Nicol was born on February 6, 1913. Her father, Erskine Nicol, was a popular landscape artist, and Mary spent much of her childhood in Europe, especially in the Dordogne and at Les Eyzies, a region rich in prehistoric art and archaeological sites, topics in which Mary became interested. Her idyllic life was shattered in 1926 when her father, to whom she was exceptionally close, died, and Mary and her mother moved back to London. Attempts to give her some conventional education failed when the rebellious girl was expelled from two Catholic schools. In 1930 she began auditing archaeology and geology university courses, and she worked on archaeological digs and as a scientific illustrator. She met Louis Leakey in 1933 at Cambridge, and soon began an affair with him. On his next expedition to Africa, she arranged to meet him there, travelled home with him, and soon moved in with him. After his wife Frida divorced him, they were married in late 1936. She returned to Kenya with Louis the following year, and in the subsequent decades worked in many excavations. An important discovery of Mary's was the first fossil skull of the extinct Miocene primate Proconsul. Mary primarily worked as an archeologist rather than a physical anthropologist. In 1959, Mary found the "Zinjanthropus" (Australopithecus boisei) fossil which was to propel the Leakey family to worldwide fame. From the mid-1960's, she lived almost full time at Olduvai Gorge, often alone, while Louis worked on other projects. She and Louis grew apart, partly because of his womanizing and partly because Louis was dividing his time between many other projects. In 1974, she commenced excavations at nearby Laetoli, and in 1976 her team found huge numbers of animal footprints that had been fossilized in ash deposited by a volcano. In 1978 they found what would be her greatest discovery, adjacent footprint tracks that had been left by two bipedal hominids.
In 1983, Mary retired from active fieldwork, moving to Nairobi from Olduvai Gorge, where she had lived for nearly 20 years. She died in 1996 at the age of eighty-three. Although it was Louis Leakey who was the more charismatic and well-known figure, Mary became a famous scientist in her own right. Although she had never earned a degree, by the end of her life she had received many honorary degrees and other awards. It is generally agreed that Mary was a better scientist, far more meticulous and cautious than the often reckless Louis. Her prodigious achievements in archaeology make her a giant in the field.

References

Leakey M.D. (1984): Disclosing the past. New York: Doubleday. (Mary Leakey's autobiography) Morell V. (1995): Ancestral passions: the Leakey family and the quest for humankind's beginnings. New York: Simon & Schuster.

Monday, January 14, 2013

10 อันดับคนรวยที่สุดในโลก

1. คาร์ลอส สลิม เฮลู และครอบครัว
เจ้า ของธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของบราซิล มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 7.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท)
2. บิล เกตส์ หรือ วิลเลี่ยม แฮร์รี่ “บิล” เกตส์ ที่ 3
เจ้า ของบริษัทไมโครซอฟต์ บริษัทผลิตซอฟต์แวร์ชื่อดังของโลก มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท)
3. วอร์เรน บัฟเฟต์
ซี อีโอและผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ของบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธาเวย์ บริษัททางด้านการลงทุนอันดับต้น ๆ ของอเมริกา มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท)
4. เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์
ผู้ ก่อตั้งและประธานกรรมการบริษัท LVMH ชาวฝรั่งเศส ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์หรูระดับโลกอย่าง หลุยส์ วิตตอง, ดิออร์, เฟนดิ, จีวองชี่, เคนโซ่, มาร์ค จาค็อบ, บุลการี่ และยังมีธุรกิจผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกหลายแบรนด์ ที่เป็นที่รู้จักในบ้านเรา เช่น เฮนเนสซี่ มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท)
5. แลร์รี่ เอลลิสัน หรือ ลอว์เรนซ์ โจเซฟ เอลลิสัน
ผู้ ร่วมก่อตั้งบริษัทออร์ราเคิล คอร์เปอเรชั่น ผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ระดับโลกอีกรายหนึ่ง มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 3.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 1.198 ล้านล้านบาท)

6. ลักษมี มิทตาล
มหา เศรษฐีชาวอินเดีย เจ้าของธุรกิจเหล็กยักษ์ใหญ่ในอินเดีย มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 3.11 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 9.43 แสนล้านบาท)

7. อามันซิโอ ออร์เตก้า
เจ้า ของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง “ซาร่า” ชาวสเปน มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 3.10 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 9.4 แสนล้านบาท)

8. ไอค์ บาติสต้า
นัก ธุรกิจชาวบราซิล เจ้าของธุรกิจเหมืองแร่และน้ำมัน มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 9.09 แสนล้านบาท)

9. มูเกช อัมบานี
เจ้า ของธุรกิจปิโตรเคมีและน้่ำมันชาวอินเดีย มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 8.18 แสนล้านบาท)
10. คริสตี้ วอลตัน และครอบครัว
หนึ่ง ในผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของวอลมาร์ท มินิมาร์ทชื่อดังของอเมริกา เป็นลูกสะใภ้คนเก่งของ แซม วอลตัน ผู้ก่อตั้ง วอลมาร์ท มีทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 8.03 แสนล้านบาท)
ที่มา :
http://www.dek-d.com

Thursday, January 10, 2013

อยากรู้ไหม เงินเดือนอาชีพ ” นักบิน ” !!!

อยากรู้ไหม เงินเดือนอาชีพ ” นักบิน “


ข้อมูลนี้มาจาก กัปตันวินัย ปราชญาพร นายกสมาคมนักบินไทย ที่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่ สายการบินเอทิฮัดเดินสายช็อปนักบินตามประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อสายการบินไทย
กัปตันวินัย ปราชญาพร นายกสมาคมนักบินไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการที่สายการบินเอทิฮัด จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้เดินทางมาประเทศไทยพร้อมทั้งเปิดห้องบอล รูมของโรงแรม โกลเด้นทิวลิป เพื่อรับสมัครนักบินระหว่างวันที่ 24-25 มิถุนายนนี้ว่า จะส่งผลให้นักบินของสายการบินต่าง ๆ ไม่เฉพาะแต่การบินไทยเท่านั้นที่จะให้ความสนใจไปสมัครกันเป็นจำนวนมาก โดยจะรวมถึงสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ไทยแอร์เอเชียและอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากถือเป็นครั้งแรกที่มีการโรดโชว์ในลักษณะนี้จากเดิมที่ใช้วิธีการ สมัครผ่านอินเตอร์เน็ต เพียงอย่างเดียว
บิน 10 ปีมีเงินเก็บ 25 ล้าน
ส่วนสาเหตุที่จะทำให้นักบินให้ความสนใจเป็นเพราะผลตอบแทนทั้งรายได้ ในรูปของเงินเดือน ค่าเบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการต่าง ๆ ที่มอบให้นั้นถือว่าดีมากจนปฏิเสธไม่ลงโดยล่าสุดมีการคำนวณรายได้ในระดับ กัปตันของเอทิฮัดกับการบินไทยพบว่า ถ้าใช้ระยะเวลาทำงาน 10 ปี พบว่าถ้าบินกับสายการบินเอทิฮัดจะมีรายได้มากกว่าการบินไทยไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท โดยเงินเดือนของเอทิฮัดจะอยู่ที่ราว 480,000 บาทต่อเดือน ถ้ามีใบอนุญาตเป็นครูสอนนักบินจะได้รายได้เพิ่มอีก 40,000 บาทต่อเดือนหรือทำให้มีรายได้ในราว 520,000 บาท ขณะที่กัปตันการบินไทยมีรายได้ในราว 280,000 บาทต่อเดือน
“นักบินเข้าใหม่การบินไทยมีรายได้เงินเดือน 60,000 บาท บวกเบี้ยเลี้ยงอีก 30,000 บาท ถ้าเป็นโคไพลอตจะมีรายได้อยู่ที่ 160,000-180,000 บาท แต่เอทิฮัดจ่าย 280,000 บาทต่อเดือน ระดับกัปตันจ่าย 480,000 บาท ขณะที่ อยู่การบินไทยได้ 280,000 บาท แสดงให้เห็นถึงส่วนต่างรายได้ ในราว 200,000 บาทต่อเดือนหรือปีละ 2,400,000 บาท ไม่รวมสวัสดิการอื่นๆ ที่จูงใจอีกเป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้นักบินที่ยังโสดและมีประสบการณ์ 5-7 ปีอยากไปร่วมงานด้วย ” นายกสมาคมนักบินไทยกล่าว
ปรับเงินเดือน 6 หมื่นก็ไม่อยู่
เขายังระบุอีกว่าก่อนหน้าฝ่ายบริหารการบินไทยก็กลัวปัญหาสมองไหลและได้เสนอ ปรับรายได้นักบิน โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาปรับรายได้โดยแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือระดับกัปตันเพิ่ม 60,000 บาท ซีเนียร์โคไพลอต 45,000 บาทและจูเนียร์โคไพลอต 30,000 บาทต่อเดือน แต่ก็ต่ำกว่าที่เสนอไปมากและเชื่อว่าคงไม่สามารถแก้ปัญหาสมองไหลได้ เนื่องจากเทียบ
ผลตอบแทนที่สายการบิน ในตะวันออกกลาง อย่างเอทิฮัดจ่ายแล้วนับว่ายังมีความแตกต่างกันมาก
โดยเฉพาะกลุ่มนักบินในระดับซีเนียร์มีการปรับรายได้ต่ำกว่าที่ขอไปจำนวน 60,000 บาทต่อเดือนเนื่องจากกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายในการต้องการตัวของสายการบิน ต่างชาติมากที่สุดแต่ฝ่ายบริหารปรับให้เพียง 45,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเชื่อว่านักบินกลุ่มนี้คงจะมีการทยอยลาออกไปร่วมกับสายการบินต่างชาติ อย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีการเดินสายการจัดโรดโชว์ถึงในเมืองไทยด้วย
หวั่นนักบินขาดกระทบไฟลต์บิน
หลังจากขณะนี้ได้ลาออกไปแล้ว 42 คน สัมภาษณ์ไปแล้วกำลังรอการเรียกตัวอีก 30 คนและโรดโชว์ในครั้งนี้จะมีนักบินอีกจำนวนหนึ่งไปสมัครแม้จะมีการปรับรายได้ แล้วก็ตาม โดย เอทิฮัดให้ความสนใจกลุ่มนักบินที่มีประสบการณ์ 5-7 ปี ในการบินเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777 หรือโบอิ้ง 737 แอร์บัสเอ 330 แอร์บัสเอ 340 และยังไม่มีครอบครัว เพราะจะทำให้ประหยัดค่าเล่าเรียนลูกไปได้อีกจำนวนหนึ่ง และสามารถย้ายไปประจำที่อาบูดาบีได้ง่ายกว่าคนมีครอบครัว
นายกสมาคมนักบินไทย กล่าวต่ออีกว่า เดิมทีบริษัทจะจ่ายค่าเล่าเรียนในการฝึกอบรมนักบินและมีสัญญาผูกมัดในการทำ งานอย่างน้อย 4 ปี แต่ปัจจุบันนักบินต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเองคนละ 2 ล้านบาท ใช้ระยะเวลา 1 ปี และใช้วิธีหักเงินเดือนใช้คืนบริษัท ซึ่งถ้าไม่ครบสัญญาต้องเสียค่าปรับ กรณีลาออกต้องแจ้งล่วงหน้า 6 เดือน ไม่งั้นจะเสียค่าปรับแต่เมื่อเทียบรายได้ที่เอทิฮัดให้แล้ว ถือว่าคุ้มค่ากว่ามาก ปัจจุบันการบินไทยมีกัปตัน 479 คน โคไพลอต 840 คน ขณะนี้ถือว่ายังพอรับมือไหว แต่ถ้าหากมีการลาออกไปอีกสักประมาณ 80 คนจะกระทบกับการจัดตารางการบินอย่างแน่นอน
“เวลานี้ต้องถือว่าตลาดเป็นของนักบิน ทั่วโลกยังมีความต้องการนักบินสูงมีการประเมินว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะถึง 1 แสนคน เนื่องจากมีการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศเกิดใหม่อย่าง จีน อินเดีย รวมทั้งประเทศในแถบตะวันออกกลางที่ยังมีการสั่งซื้อเครื่องบินกันอย่างต่อ เนื่อง ซึ่งล่าสุด มีการสั่งซื่อเครื่องบิน A 380 อีก 90 ลำที่จะส่งมอบภายใน 5 ปีที่น่าห่วงสำหรับประเทศไทยคือเรื่องมาตรฐานนักบินที่ต้องมีการพิจารณากัน ให้ดี สิ่งที่น่าทำคือรับสมัครนักบินที่ยังไม่มีไลเซนส์ เอามาฝึก น่าจะทำได้เร็วกว่าการเรียนตามปกติที่สามารถผลิตได้ปีละ 100 คนทั่วประเทศเท่านั้น” นายกสมาคมนักบินไทยกล่าว
โรดโชว์ 7 ประเทศทั่วเอเชีย
ทางด้านแหล่งข่าวจากวงการนักบินที่เดินทางไปร่วมโรดโชว์กับสายการบินเอทิฮัด ที่ประเทศสิงคโปร์ เผยว่า การเดินทางมาประเทศไทยช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ถือเป็นประเทศสุดท้ายของการ เดินสายรับสมัครนักบินทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยก่อนหน้านั้น ได้มีการจัดโรดโชว์มาแล้ว 6 ประเทศ ไทยเป็นประเทศที่ 7 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ที่เมืองจาการ์ตาเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เป็นแห่งแรกจากนั้นก็ไป สิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ มะนิลา ฮ่องกง โฮจิมินห์ และกรุงเทพฯ เป็นแหล่งสุดท้าย
โดยสายการบินเอทิฮัดได้ทำพรีเซนเตชันแสดงความเป็นมาของสายการบินและเป้าหมาย ที่ชัดเจนแก่ผู้เข้าร่วมงาน โดยระบุว่าเป็นสายการบินของรัฐบาลมีฐานการบินอยู่ที่เมืองอาบูดาบี และแหล่งผลิตน้ำมัน 90% ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อยู่ในเมืองอาบูดาบี ตั้งเป้าหมายจะมีเครื่องบิน 180 ลำ ไม่มีนโยบายเป็นพันธมิตรกับสายการบินใดกลุ่มใดไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย สตาร์อัลไลแอนซ์ หรือวันเวิลด์ ที่ถือว่าเป็นเครือข่ายพันธมิตรทางการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะบริหารเอง แต่จะโค้ดแชร์กับสายการบินใหญ่ ๆ เชื่อมโยงเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลก
เศรษฐกิจแย่ไม่เคยลดเงินเดือน
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอข้อมูลทางด้านลูกเรือว่า 90% ของพนักงานเป็นชาวต่างชาติ และมีนักบิน 78 สัญชาติ ลูกเรือ 141 สัญชาติ บ่อยครั้งที่ลูกเรือในเที่ยวบินเดียวกัน 18-19 คน ต่างสัญชาติกันทั้งหมด และยังเป็นสปอนเซอร์ในการแข่งขัน เอฟวัน ที่มีผู้ชมปีละ 600 ล้านคน เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งเตรียมจะมีอาคารผู้โดยสารของเอทิฮัดโดยเฉพาะซึ่งในแผนการขยายสนามบิน เทอร์มินัล 3 ของสนามบิน มีการสั่งเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ใช้งบ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 540 ล้านบาท หลังจากใช้ไปแค่ 18 เดือน เพราะเห็นว่ามีข้อเสีย ที่นั่งในชั้นไดมอนด์คลาส สามารถปรับให้นั่งรับประทานอาหารค่ำได้ 4 คนเหมือนที่บ้านหรือภัตตาคาร มีจอทัชสกรีนในการขอเครื่องดื่มติดต่อกับลูกเรือโดยตรง
ปัจจุบันเอทิฮัดมีนักบิน 1,100 คน มีสถิติการลาออก 23 คน แม้เศรษฐกิจแย่แต่ก็ไม่เคยไปแตะเรื่องรายได้ของพนักงาน อาบูดาบี เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงท็อป 30 แต่รายได้นักบินก็ถือว่าสูง ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ สามารถซื้อบ้านหรู 4 ห้องนอน มีสระว่ายน้ำ มีรถ ปอร์ช ขับ ในราคาที่จับจ่ายซื้อหาได้ เมื่อเทียบกับเมืองอื่นที่ถ้ารายได้เท่ากัน แต่ไม่สามารถซื้อบ้าน ซื้อรถแบบนี้ได้
ค่าหมอปีละ 20 ล้านเข้าร.พ.ทั่วโลก
ส่วนรายได้นักบิน 80% มาจากรายได้เงินเดือนขั้นพื้นฐาน อีก 20% มาจากการไปบิน เพื่อทำให้มีรายได้แน่นอนไม่ต้องมาติดกับการต้องบินมากเพื่อให้ได้รายได้มาก มีนโยบายทำให้นักบินทุกฝูงบิน (FEET) มีรายได้เท่า ๆ กันทุกเส้นทางบิน ต่างกันตรงที่ค่าอาหาร รายได้ ขั้นพื้นฐาน กัปตันเริ่มต้นที่ 9,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 288,000 บาทต่อเดือน ค่าเช่าบ้าน (170,000 AED หรือราว 1.4 ล้านบาทต่อปี 1 เออีดีเท่ากับ 8 บาทเศษ)
ขณะที่บ้านเดี่ยว 4 ห้องนอน มีสระว่ายน้ำ ค่าเช่าปีละ 132,000 AED หรือราว 1,056,000 บาทต่อปี หรือจะเช่าถูกกว่าแต่บริษัทจ่ายเต็ม ค่าเล่าเรียนลูก ได้ 4 คนอายุ 4-19 ปี โดยช่วงอายุ 4-11 ปี ได้คนละ 30,000 เออีดี 240,000… บาท อายุ 11-19 ปีได้ 42,000 เออีดี หรือ 336,000 บาท จ่ายตามจริงตามใบเสร็จ เรียนที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ และกำลังพิจารณาเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการด้านสุขภาพมีการประกันค่ารักษาพยาบาลวงเงินปีละ 2,5000,000 AED หรือราว 20 ล้านบาท ต่อ 1 ครอบครัว มีบัตร เอโอเอสการ์ดให้ใช้ได้กับทุกคนในครอบครัว ทั้งขณะปฏิบัติหน้าที่และไม่ทำงานโดยเจ็บป่วยที่ไหนในโลกนี้แสดงบัตรจะได้ รับการบริการเรื่องค่าใช้จ่าย นักบินเกษียณตอนอายุ 65 ปี ในกรณีเจ็บป่วยไม่ได้ทำงาน 3 เดือนสายการบินอื่นจะไม่ได้รับเงินเดือนแต่เอทิฮัด จะจัดให้ทำงานออฟฟิศ มีรายได้เดือนละประมาณ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 150,000 บาทต่อเดือน และทำได้นานถึง 5 ปี เป็นต้น แหล่งข่าวคนเดิมกล่าว


ที่มาเนื้อหาและภาพประกอบ : toptenthailand.com

สัตว์ที่ อวัยวะเพศ ยาวที่สุดในโลก เมื่อเทียบจากขนาดร่างกาย



เพรียง (Barnacle ) คือ สัตว์ที่มีอวัยะเพศ ยาวที่สุดในโลก เนื่องจากมันเป็นสัตว์ที่ติดอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ การที่ตัวผู้จะผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ ตัวผู้จำเป็นต้องยืด แล้วก็ ยืด อวัยวะเพศของตัวเองออกไปตามกระแสน้ำ และกระแสน้ำก็มีผลต่อความยาวของ อวัยวะเพศ ของ เพรียงด้วย คือ ถ้ากระแสน้ำเบา เพรียงจะสามารถยืด อวัยวะเพสไปได้ยาว กว่า เมื่อกระแสน้ำแรง จากการศึกษา ของนักศึกษาชื่อว่า Christopher Neufeld กับ ด็อกเตอร์ Richard Palmer จากมหาวิทยลัย Alberta พบว่า เพรียงสามารถยืดได้ยาวถึง 8 เท่าของความยาวลำตัว ( ถ้าเทียบกับคน อวัยวะเพศก็คงยาวราวๆ 13.5 เมตร )

10 อันดับโทรศํพท์มือถือ ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลก

10 อันดับโทรศํพท์มือถือ ที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลก

โลก แห่งโมบายด์นั้นเคลื่อนตัวไปไวมาก  คุณหรือใครอีกหลายคน นอกจากต้องขยับเยื้องย่างเพื่อให้ตามทันกระแสเหล่านี้แล้ว มนุษย์อีกมากยังคงใช้โทรศัพท์เพื่อวัตถุประสงค์พื้นฐานอย่างการโทรเข้า โทรออก หรือเล่นเกมงูต่อหางเพียงเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ พอจะเห็นภาพที่คุ้นๆ เหล่านี้ผุดขึ้นมาในสมองกันบ้างไหม?
ใช่แล้ว เราต่างผ่าน และสัมผัสอุปกรณ์แบบนี้กันมาแล้วทั้งนั้น กว่าจะนั่งถือสมาร์ทโฟนแชต LINE  Whasappหรือ แลกพิน ( เอ้าท์ไปเรียบร้อย ฮา+ )  และแม้ไอโฟน หรือแอนดรอยด์ กับโลกแอพพลิเคชั่น จะฮิตจริงๆ ให้ดิ้นตาย ขนาดไหนก็ตาม เขาเหล่านั้นไม่ได้ขายดีตลอดการเหมือน Nokia 1100 อย่างแน่นอน.

 1.  Nokia 1100 - ขายได้มากกว่า 250 ล้านเครื่อง

– วางจำหน่ายในปี 2546 ด้วยสไตล์ที่เรียบง่าย มีฟังก์ชั่นมัลติมีเดีย รวมถึงเกมส์รองรับความต้องการพื้นฐานของพวก เรา ที่ฮิตๆ คือเกม Snake II และ Space Impact ในช่วงแรกได้รับความสนใจจากฟีเจอร์ไฟฉายสุดเจ๋ง  บอดี้ยังมีความทนทานตลามฉบับโนเกียได้อีก .

2. Nokia 3210  - ขายได้มากกว่า 160 ล้านเครื่อง

– เปิดตัวและวางจำหน่ายปี 2542  ด้วยบอดี้สวยสง่างาม ไร้ก้าง ไร้เสาอากาศ บอดี้ยังคงความเป็นโนเกียไว้ได้อย่างงดงาม ปัจจุบันกลายเป็นโบราณวัตถุสุดคลาสสิคอีกหนึ่ง .

3. Moto RAZR V3 – ขายได้มากกว่า 130 ล้านเครื่อง

 
– วางจำหน่ายในปี 2547 ด้วยคอนเซ็ปต์สุดบางกับการออกมาพรีเซ้นต์โดยซุปตาร์อย่าง  เดวิด เบ็คแฮม

 4. Nokia 3310 – ขายได้มากกว่า 126 ล้านเครื่อง

-  ไม่มีใครกล้าแหยมกับตัวท้อปของโลกรุ่นนี้ ที่เปิดตัวขึ้นเมื่อปี 2543 นอกจากดีไซน์ที่ทำได้หนักแน่นขึงขังของมันแล้ว ยังมาพร้อมกับบรรดาฟีเจอร์ เครื่องคิดเลข ระบบ Reminder และเกมส์สุดแจ่ม รวมถึงรองรับการพิมพ์ SMS ได้มากขึ้น เป็นอีกรุ่นที่มีสาวกกว่าค่อนโลก แต่ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มพลังเงียบไปแล้ว .

5.  iPhone 4S - ขายได้มากกว่า 37 ล้านเครื่อง

- แทบไม่ต้องอธิบายตัวตนของความเป็น 4เอส ไอโฟน หรือ แอปเปิล  แม้จะเปิดตัวหลังการจากไปของ สตีฟ จ๊อบส์ เพียงไม่นาน ปี 2554 แต่มันก็ตอบสนองความรู้สึก ถ่ายทอดประสบการณ์ระดับดีเยี่ยมจนครองใจแฟนคลับได้แบบเต็มหัวใจ .

 6. iPhone 3GS -  ขายได้มากกว่า 35 ล้านเครื่อง

– แฟนๆ แอปเปิลกำลังยิ้มหน้าบาน ที่ปรากฏการณ์ไอโฟนของพวกเค้า คือตัวจริง เมื่อเทียบกันในแง่ยอดขายที่ฮิตฮอตตลอดกาล และ 3GS คือ อีกหนึ่งความสำเร็จที่แอปเปิลพรีเซ้นต์ประสบการณ์ ตั้งแต่ปี 2552 ก่อนจะเข้ามาติดอันดับที่ 6 ของสุดยอดมือถือที่ขายที่ตลาดกาลนี้ .

 7.  Nokia 2100 - ขายได้มากกว่า 20 ล้านเครื่อง

– เปิดตัววางจำหน่ายในปี 2546 ด้วยสีที่มีให้เลือกมากมาย สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ต ผ่านโมเด็มแบบ Build-In ใช้ง่ายและดูคลาสสิก .

8.  LG Chocolate - ขายได้มากกว่า 15 ล้านเครื่อง

– บุกตลาดมือถือด้วยสัญชาติกิมจิ ในปี 2549 ก่อนจะพาดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวกินส่วนแบ่งตลาดได้อย่างสวยงาม และขายดีตลอดกาลจวบปัจจุบัน .

9. Blackberry Pearl 8100  - ขายได้มากกว่า 15 ล้านเครื่อง

– แม้ปัจจุบัน แบล็คเบอร์รี่  จะอยู่นอกสายตาบนตลาดสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะต้นสังกัดเองก็ติดลบกันไปในไตรมาสล่าสุด แต่ระบบแป้นพิมพ์ รวมถึงการตอบสนองของระบบสื่อสาร อีเมล์ ต่างๆ ของแบล็กเบอรรี ยังส่งมันเข้าทำเนียบสุดยอดมือถือขายดีตลาดกาลอยู่ .

10. Nokia 5800 Xpress Music - ขายได้มากกว่า 13 ล้านเครื่อง

-  เปิดตัวปี 2551 เน้นประสบการณ์การฟังเพลงผ่านจอสัมผัส ถือว่ามันเป็นอุปกรณ์ฟังเพลงที่ได้รับความนิยมพอๆ กับฟีเจอร์โทรศัพท์เลยแหละ .
 ที่มา http://tech.mthai.com/mobile-tablet/22862.html

Monday, January 7, 2013

10 อันดับ สุดยอดคดีฆาตกรรมในประเทศไทย !!!

อันดับ 10

คดีฆ่าหั่นจู๋ พนักงาน รฟม.
คดีเขย่าขวัญคนกรุงรับปี 2550 เมื่อมีคนพบศพนายพิชัย ทองใบ พนักงานช่างเทคนิคของ รฟม. ในสภาพถูกฟันที่ท้ายทอย คอถูกปาดลึกเกือบขาด รวมทั้งอวัยวะเพศของผู้ตายถูกคนร้ายใช้มีดตัดเกือบขาดเช่นกัน อีกทั้งยังใช้เลือดเขียนเป็นรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอกของผู้ตาย สร้างความสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง จนในที่สุดนายกฤษฎาพร บรรพชาติ หรือนายเก่งรฟม.ผู้ที่ลงมือฆ่าก็ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่เนื่องจากทนแรง กดดันไม่ไหว โดยนายเก่งสารภาพถึงมูลเหตุจูงใจมาจากเรื่องชู้สาว
อันดับ 9

คดีฆาตกรต่อเนื่องหมอนวด
คดีฆาตกรต่อเนื่อง คดีที่ 2 ของประเทศไทย หลังจากคดีซีอุยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน(ต่อสำหรับผมเป็นคดีที่ 4 ) โดยนายสมคิด พุ่มพวง ก่อเหตุฆ่าหมอนวดถึง 5 ศพ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคดีต่างๆ นายสมคิดจะทำการติดต่อเหยื่อมาร่วมหลับนอนด้วย เมื่อมีการร่วมประเวณีแล้วก็จะฆ่าเหยื่อถึงแก่ความตาย
อันดับ 8

คดีแม่ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์
ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ปี ถูกคนในครอบครัวคือนางกาญจนา เจียมเจริญ ผู้เป็นแม่ ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงพระอินทร์ นางอนงค์ เจียมเจริญ มีศักดิ์เป็นป้า อ้างเป็นร่างทรงพระอาทิตย์ นางจรินทร์ เจียมเจริญ น้าสาว และนางบัว เจียมเจริญ ผู้เป็นยายร่วมกันฆ่า โดยใช้มีดปาดคอตายอย่างสยดสยองภายในบ้าน โดยนางกาญจนาอ้างว่าสาเหตุที่ฆ่าลูกสาวเพื่อต้องการปลดปล่อยวิญญาณไปให้พระ อินทร์ จากนั้นตำรวจได้ส่งตัวทั้งหมดไปที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ เนื่องจากพบว่าทั้งหมดมีอาการทางประสาท ถือได้ว่าเป็นคดีศึกษาอีกคดีหนึ่งในไทยก็ว่าได้
อันดับ 7

คดีห้างทอง ธรรมวัฒนะ
ปริศนาการตายของ ห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.พรรคประชาไทย ยังคงคาใจทุกฝ่ายอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย หลังจากมีผู้พบศพนายห้างทองเสียชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรู สภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้ คอแหงนไปด้านหลังมีบาดแผลลูกกระสุนเจาะทะลวงที่ศรีษระ 1 นัด โดยเสียชีวิตภายในห้องนอนของนายนพดล ธรรมวัฒนะ ผู้ที่เป็นน้องชายนั่นเอง มีการผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการตายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งปัจจุบัน ก็ยังไม่สามารถสรุปผลที่แท้จริงได้ จนกว่าจะมีคำสั่งของศาลเป็นที่สิ้นสุด ปัจจุบันศพก็ยังแช่เย็นอยู่ไม่ได้ถูกนำไปเผาแต่อย่างใด
อันดับ 6

คดีหมอผัสพร
แพทย์หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและ เส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า ปัจจุบันศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตแล้ว แต่ยังสามารถอุทรได้อยู่
อันดับ 5

คดีเสริม สาครราษฎ์
นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรีแฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพันหลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัด เฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา
อันดับ 4

คดีศยามล
อีกหนึ่งคดีที่สร้างความสลดหดหู่ยิ่งนัก เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าโดยอำพรางศพว่าเป็นการขมขื่นและทิ้งศพไว้ในรถ โดยมีลูกสาววัย 2 ขวบ ร้องไห้กอดศพผู้เป็นแม่อยู่ทั้งคืน ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่าก็ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือสามีหมอของเธอนั่นเอง
อันดับ 3

คดีเชอร์รี่แอน ดันแคน
เด็กสาววัยรุ่นลูกครึ่งเชื้อชาติ ไทย-อเมริกัน ถูกพบเป็นศพหลังจากมีผู้พบเห็นว่าถูกล่อลวงขึ้นรถแท็กซี่ไปจากหน้าโรงเรียน ฆาตกรใช้สายรัดคอจนขาดอากาศหายใจและนำศพไปทิ้งไว้บริเวณป่าแสมบางสำราญ และนำไปสู่การจับผู้ต้องหาถึง 5 คน ซึ่งในเวลา 6 ปีต่อมา ศาลจึงมีคำสั่งว่าพวกเค้าทั้ง 6 คนไม่มีความผิด จนเป็นคดีที่กล่าวขานในเรื่องของการจับแพะมากที่สุดคดีหนึ่ง
อันดับ 2

คดีซีอุย ( ซีอุย แซ่ตั้ง )
เป็นชื่อของฆาตกรที่ฆ่าเด็กและนำตับมาต้มกินโดยมีเด็กอย่างน้อย 6 คนที่ถูกนายซีอุยสังหาร ซีอุยเป็นชาวจีนโพ้นทะเลเข้ามาในเมืองไทยและขึ้นฝั่งที่ประจวบคีรีขันธ์ ชอบจับเด็กมาผ่าและควักเอาเครื่องในมากินโดยมีความเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ โดยได้ทำการฆ่าเด็ก 3 รายแรกที่ประจวบคีรีขันธ์ และรายสุดท้ายจับได้หลังจากคดีฆาตกรรมที่จังหวัดระยอง ซี่งสุดท้ายโดนจับขังคุกและยิงเป้าประหารชีวิต
อันดับ 1

อันดับที่ 1 คดีนวลฉวี
ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อน เกิดคดีเขย่าขวัญคนกรุง เมื่อมีผู้พบศพพยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืนอย่างทารุณแล้วโยนศพทิ้งน้ำ บริเวณสะพานนนทบุรีซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักในชื่อ สะพานนวลฉวี ซึ่งผู้ที่บงการสั่งฆ่านั่นก็คือหมออุทิศผู้ที่เป็นสามีของเธอนั่นเอง สาเหตุมาจากความหวั่นวิตกของหมอว่าเธอจะเข้าไปทำลายครอบครัวของเขา เขาก็เลยสั่งให้ฆ่าทั้งๆ ที่ยังรักเธออยู่ และแม้ว่าต่อมาหมออุทิศจะสำนึกขึ้นได้และจะยกเลิกคำสั่งนั้น แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว

เนื้อหาและภาพประกอบจาก: toptenthailand.com


10 อันดับ ปริศนาของโลก ที่ยังหาบทสรุปไม่ได้

อันดับ 10


กะโหลกแก้ว


ปริศนาจากชาวมายัน กุญแจที่จะไขทุกคำตอบในโลกของเรา กะโหลกแก้วคริสตัลลึกลับ 5 ใน 13 ทั้งหมดที่ถูกค้นพบ ถูกปลุกฟื้นตำนานเรื่องเล่า ความเป็นไปของมนุษย์จากอดีตกาลสู่ภพหน้า แหล่งบรรจุสรรพสิ่งดั่งคำทำนาย บัดนี้ยังคลุมเครือ ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการ และเทคโนโลยีในอดีต ไม่น่าเชื่อว่ากะโหลกแก้วจะสร้างขึ้นเองได้ หากเป็นความจริงอันชวนตะลึง! ดั่งคำสันนิษฐานจากกะโหลกแก้วที่ค้นพบข้อมูลในนั้นจะเป็นตัวกลางเชื่อม ต่อระหว่างคนอดีตสู่ คนยุคปัจจุบัน(ไปดูอินเดียน่าก็ได้มีเหมือนกัน)

อันดับ 9


ภาพลายเส้นนาซคา


ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่อง ทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีกบนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีต สร้างขึ้นเพื่อผูกปมเร ื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชน เผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหา ข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่ง ขึ้น

อันดับ 8


สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

ความลึกลับ อาถรรพณ์ และเรื่องจริงที่เกิดขึ้นยังคงกล่าวขานถึงสู่หายนะ กับสถานที่แห่งนี้ สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า มฤตยูกลางมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์ที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ความจริงที่เครื่องบิน เรือ ที่ผ่าน บริเวณสามเหลี่ยมมรณะถูกดูดกลืนสูญหายไปอย่าง ไร้ร่องรอย โดย ไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่สภาพอากาศ และทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีข้อสรุป คำตอบ หรือข้ออ้างให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงแต่ปริศนาที่ยังค้างคา ใจผู้คนจนถึงปัจจุบัน

อันดับ 7


บพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์

คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้า โดยตรง คำสอนศาสนา บทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้

อันดับ 6


โอเรกอน วอร์เท็กซ์

พบกับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็ก ที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึก เหมือ น เป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่ง นี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียงลูก กอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง จนคุณอยากออกจากประสบการณ์แปลก ประหลาดเหล่านี้สู่โลกแห่งความจริงที่ทุกอย่างพิสูจน์ได้

อันดับ 5


นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

คดีแห่งปริศนา ฆาตกรรมอำพราง เมื่อหลายปีก่อนถูกคลี่คลาย แต่เร็วๆนี้ถูก นำมาสอบสวนใหม่ ชนวนที่ฆาตกรที่จับได้จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ ? คดีที่โด่งดัง ไปทั่วอ่าวแบ็คเบย์ในบอสตัน นักฆ่าใจโหด ข่มขืนและฆ่ารัดคอผู้หญิง 11 คน ตายในบ้านตัวเอง คดีนี้ปิดฉากไปโดยตัวผู้รับสารภาพ อัลเบิร์ต เดอซาลโว แต่ต่อมาคดีฆาตกรรมปริศนาเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เมื่อครอบครัวของหญิง 1 ในผู้ตายพบหลักฐานที่ส่อพิรุธ การรื้อคดีเป็นได้แค่การบังหน้าของตำรวจ ไม่มีความรับผิดชอบใดใดเพิ่มมากขึ้น เดอซาลโว จะใช่ฆาตกรตัวจริงหรือเปล่า หรือว่านักฆ่าจอมโหดผู้นี้ยังคงลอยนวลต่อไป จนบัดนี้มันยังคงเป็นปริศนา

อันดับ 4


สัตว์ประหลาดแห่งล็อกเนส


บนโลกนี้มีเรื่องให้พิสูจน์อีกมาก อย่างที่เรากำลังจะพาไป เยี่ยมเยือนสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสในสก็อตแลนด์ เรื่องเล่าที่โด่งดัง เกี่ยวกับ สัตว์รูปร่างประหลาด เนสซี่ ตัวใหญ่ประมาณ 15 – 40 ฟุต มักโผล่ขึ้นมา ให้เห็นเป็นครั้งคราว หลายคนสนใจติดตามจับภาพสัตว์ประหลาดตัวนี้ แล้วบางอย่าง ก็เป็นจริง มีภาพของวัตถุลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ในทะเลสาบชื่อก้อง นี้แต่ไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนหลายคน ต่างเชื่อว่า เนสซี่ สัตว์ประ หลาดแห่งล็อกเนส มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ คอยาว มีครีบ นั้นมีอยู่จริง แต่เราจะได้เห็นหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับตัวเนสซี่เอง

อันดับ 3


คร็อพเซอร์เคิล


วงกลมประหลาด รูปร่างแปลกๆหลายรูป ที่ยังคงต้องการคำตอบเหตุแห่งการ เกิด ชาวเมืองเอฟเบอรี่คุ้นเคยกับมันดี วงขนาดใหญ่ ยาวกว่า 200 เมตร กว้าง ร่วม 40 เมตร เกิดกระจัดกระจายไปทั่วทุ่งนา นำความเสียหายปนความสงสัย ให้กับเจ้าของที่นาบริเวณนั ้นเป็นอย่างมาก มีทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมา เพื่อตอบคำถามของ คร็อพ เซอร์เคิล มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อ สารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียก ร้องความสนใจแค่นั้นเองก็ได้

อันดับ 2

ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหิน ลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูป สลักนี้มาจากไหน ? สร้างขึ้นได้อย่างไร ? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมือง ที่มาตั้งรกรากเมื่ อ ค.ศ. 400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณ นี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่า จะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้น หาคำตอบต่อไป

อันดับ 1


แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์

มันคงเป็นปริศนาต่อไป และน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะ ปริศนาอันดับ 1 ที่ยังคงค้างคาใจเรา ฆาตกรต่อเนื่อง แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ อาชญากรระดับ โลกที่ยังจับตัวไม่ได้ การสังหารอย่างโหดมของเหยื่อหลายรายติดๆ กันถูกก ล่าวขานถึง ย่านอีสต์เอนด์ของลอนดอนสร้างชื่อกระฉ่อนถึงความ น่าส ะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่ไร้วี่แวว ของฆาตกร การพิสูจน์ หรือทดสอบด้าน นิติวิทยาศาสตร์ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร จึงไม่มีเหตุผล หรือหลักฐานหนักแน่น ในการมัดฆาตกร จากคดีฆาตกรรมที่โด่งดัง ทำให้มีผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้น มาก มายหลักฐานสำคัญต่างๆ ถูกผุดขึ้นมาภายหลัง จะเป็นไปได้มั้ยที่จะสืบสาว หาฆาตกรตัวจริงได้ แม้ฆาตกรคนนั้นคงไม่มีชีวิตอยู่ให้จับแล้วแต่ก็ยังดีที่ได้รู้ว่า ฆาตกรตัวจริงผู้นั้นคือใคร ?

เนื้อหาและภาพประกอบจาก: toptenthailand.com

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More