รู้ทันภัยจากแสงแดด
โรคผิวหนังที่เกิดจากแสงแดด
โรคผิวหนังที่มักจะมากับแสงแดดและติดทนทานไปกับคุณอีกนาน ไม่ว่าจะหน้าฝนหรือหน้าหนาวก็คือ กระและฝ้าครับ ส่วน
มะเร็งผิวหนังมัก
พบในคนผิวขาว ซึ่งพบได้น้อยในคนไทยที่มีสีผิวเข็มกว่าอย่างพวกเรา
จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก แค่หมั่นสังเกตว่าผิวมีความผิดปกติ เช่น
มีตุ่มนูนหรือก้อนเนี้ยบนผิวที่ขยายตัวเร็วหรือไม่ โดยเฉพาะคนที่มีไฝ
ควรตรวจดูบ่อยๆ ว่าไม่บนตัวของคุณมีการเปลี่ยนแปลงของสีและขนาดหรือเปล่า
เพราะไฝบอกบางต่อแสงแดดมากครับ หากโดนแดดมากๆ
อาจกลายเป็นมะเร็งเนื้อร้ายได้ นอกจากนี้ อาการผื่นแพ้แดด
ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่เกิดจากการโดนแสงแดดกระตุ้น ทำให้เกิด
อาการผื่นคัน
1. กระ และ ฝ้า
กระแดด และ ฝ้าที่เกิดในหน้าร้อนนั้นมีสารเหตุจากการที่รังสียูวีเอและ
Visible Light ไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีเมลาโนไซต์ (Melanocyte)
ให้ผลิตเซลล์เม็ดสีเมลานิน (Melanin) ซึ่งอยู่ในผิวหนังชั้นนอกส่วนล่าง
(Epidermis) ให้ทำงานมากผิดปกติ ถ้ายิ่งมีเมลานินมาก
ผิวก็จะยิ่งมีสีเข้มขึ้น
เมื่อมองดูจากผิวหนังด้านบนจึงเห็นผิวหนังที่มีสีไม่เท่ากัน
กระแดดและฝ้าถึงแม้จะเกิดจากแสงแดด เหมือนกัน แต่ก็มีลักษณะที่ต่างกันครับ
1.1
กระแดดหรือกระ
(Freckles หรือ Ephelides) มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำ
มักมีขนาดเล็กกว่า 0.5 ซม. พบได้บริเวณใบหน้าและผิวหนังส่วนต่างๆ
ที่โดนแสงแดดเป็นประจำ โดยทั่วไปแล้วเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก
เป็นกรรมพันธุ์ในครอบครัว พบมากในคนผิวขาว และจะมีปริมาณและสีที่เข้มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้นหรือเมื่อถูกกระตุ้นโดยแสงแดด
การรักษา ทำให้โดยการใช้เลเซอร์ประเภท CO2 หรือประเภท Alex Tri Vantage
จี้ออก ซึ่งหลังทำจะเกิดสะเก็ด พอสะเก็ดหลุดออกก็ไม่เกิดแผลเป็นแต่อย่างใด
1.2 ฝ้า (Melasma) มีลักษณะเป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลเข้ม
พบได้บริเวณใบหน้าตรงโหนกแก้ม หน้าผาก จมูก และเป็นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ ฝ้าตื้นหรือฝ้าแดด เกิดจากแสงแดด ฝ้าลึก
เกิดจากฮอร์โมนหรือสารเคมี และฝ้าผสม
เกิดจากการเป็นฝ้าทั้งสองชนิดเราซ้อนทับกัน
ฝ้าแดดนิยมรักษาโดยการผลักวิตามินซีเข้าสู่ผิว และผลัดเซลล์ผิว
(Microdermabrasion) เช่น การกรอผิวด้วยอัญมณี หรือการใช้เครื่องประเภท Jet
Peel โดยใช้น้ำเกลือผลักเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก
การรักษากระและฝ้านั้น
รักษาให้หายขาดได้ยาก
การที่เรามองไม่เห็นก็เพราะว่าสีของมันจางลงไปเท่านั้น หากโดนแสงแดด
กระและฝ้าก็จะกลับมีสีเข้มขึ้นมาอีก ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดอยู่เสมอ
และควรทาบ่อยๆ เมื่อต้องอยู่ในแดดนานๆ
2. ผื่นแพ้แดด
รู้ทันภัยจากแสงแดด
เป็นลักษณะของผื่นแพ้สัมผัส (Allergic Contact Dermatitis)
ในรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือ เมื่อผิวหนังสัมผัสกับสารชนิดหนึ่งแล้วโดนแสงแดด
และเกิดปฏิกิริยาการแพ้ในการสัมผัสกับแสงแดดครั้งถัดๆ ไป
และก่อให้เกิดผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ (Eczematous Rash) ขึ้นมาทันที
เพราะร่างกายเราจดจำได้แล้วว่าแพ้สารชนิดนั้นๆ
อาการผื่นแพ้แดดที่
เกิดขึ้นคือ บวม แสบร้อนที่ผิวหนัง มีผื่นแดงบางครั้งอาจมีตุ้มน้ำใสๆ เล็กๆ
ส่วนสารที่แพ้นั้นโดยทั่วไป มักเป็นพวกน้ำหอม
หรือสารใช้ล้างทำความสะอาดต่างๆ เช่น สบู่ น้ำยาเคมีล้างห้องน้ำ
ซึ่งเมื่อคุณทราบว่าตัวเอง แพ้สารใดก็ควรหลีกเลี่ยงสารนั้นๆ
หากเสี่ยงไม่ได้ก็พยายามอย่าโดนแสงแดด
การรักษา ควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยาในท้องตลาดใช้เองเพราะยาส่วนมากมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ และ
การป้องกันโรคทำได้โดยการทานอาหารเสริมจำพวกโปรตีน และวิตามินบี ซี ดี และอี
ข้อดีของแสงแดด
1. ป้องกันโรคกระดูกพรุนและโรคกระดูกอ่อน เพราะช่วยสร้างวิตามินดีที่ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ทำให้กระดูกแข็งแรง
2. ป้องกันโรคทางเดินหายใจ โรคหอบหืด และทำให้ระบบหายใจทำงานดีขึ้น ทั้งจากวิตามินดีและความอบอุ่นของแสงแดด
3. ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ลดโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทำให้หัวใจแข็งแรง
4. ช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งปากมดลูก
5. ช่วยในการทำงานของระบบประสาท ทำให้สมองประมวลผลได้เร็วฉับไว
6. ทำให้จิตใจเบิกบาน ป้องกันโรคซึมเศร้า หากกำลังจิตตกก็ลองไปอาบแดดอ่อนๆ ดูสักพัก รับรองว่าช่วยได้ครับ
7. ป้องกันโรคอ้วน และช่วยในการลดน้ำหนัก
8. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ผิวจึงมีสุขภาพดี
มีเลือดฝาด และผิวหนังแข็งขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้ เช่น
โรคสะเก็ดเงิน
9. ป้องกันโรคกล้ามเนื้อจำพวก Myopathy เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือปวดกล้ามเนื้อ
10. กระตุ้นเอนเดอร์ฟินที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เหมาะกับกีฬากลางแจ้ง
ข้อเสียของแสงแดด
1. รังสียูวีในแสงแดดทำให้ผิวหมองคล้ำ เป็นจุดด่างดำ สีผิวไม่เนียนเรียบ
2. รังสียูวีและ Visible Light ทำให้เกิดการสร้างเมลานินที่ผิดปกติ เป็นสาเหตุของฝ้าและกระ
3. แสงแดดเป็นอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอยก่อนวัย
4. ทำให้ผิวแห้งเหี่ยว เพราะคอลลาเจนที่ทำให้ผิวเต่งตึงถูกทำลายโดยรังสียูวี
5. การโดนแดดแรงๆ หรือเป็นเวลานานๆ ทำให้เกิดผิวไหม้ จนเกิดผิวหนังอักเสบได้
6. แสงแดดเป็นอันตรายต่อกระจกตาและเลนส์แก้วตา ทำให้เป็นต้อ
จึงไม่ควรมองดวงอาทิตย์โดยตรง หรือหลีกเลี่ยงการใช้สายตาในแดดจัดๆ
โดยไม่สวมแว่นกันแดด
7. สิวบางชนิดอาจกำเริบเมื่อโดนแสงแดด
8. แสงแดดและความร้อนทำให้ร่างกายขาดน้ำ อาจทำให้เป็นลมแดด หรือตะคริวแดด
9. หากโดนแดดเป็นประจำ อาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
10. แสงแดดจะกระตุ้นอาการผื่นคันให้กำเริบในคนที่เป็นโรค SLE